เครื่องเงิน
เดิมเมืองเชียงใหม่เป็นประเทศเอกราชปกครองตนเอง
มีเจ้าเมืองหรือผู้ปกครองนครสืบทอดต่อๆมาและปรากฏหลักฐานว่า พญามังรายเมื่อสร้างเมืองเชียงใหม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับเมืองพุกาม
จึงได้ขอช่างฝีมือเรื่องเครื่องเงินเข้ามาผลิตและเป็นครูสอนที่เมืองเชียงใหม่
เพื่อเป็นการฝึกฝนและสร้างอาชีพ
ให้กับชาวเชียงใหม่ทำให้ชาวชียงใหม่มีความรู้ด้านเครื่องเงินเพิ่มขึ้น
มีการสั่งสอนสืบทอด ต่อๆกันมา
ประเพณีการทำบุญชาวล้านนาโดยเฉพาะชาวเชียงใหม่ได้ยืดถือ
และปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณในการทำบุญใส่บาตร ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
ได้เลียนแบบและสืบทอดสืบทอดการมาเป็นที่นิยมนำภาชนะที่ใส่อาหารหรือของไปถวายพระ
ซึ่งทำด้วยเงินเพราะถือว่าเป็นบุคลาชั้นสูงเหมือนเช่นเจ้านายผู้ปกครองนครเช่นกัน
เมื่อมีการทำบุญก็นิยมนำอาหารใส่ภาชนะที่ทำด้วยเงิน
ซึ่งได้ดัดแปลงเป็นของใช้ต่างๆอาทิเช่นขันน้ำ พานรอง พาน ถาด หม้อข้าวฯลฯ
ซึ่งนิยมสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
เครื่องประดับ
การแต่งกายของหญิง-ชาย สมัยโบราณนิยมใช้เครื่องประดับต่างๆ
ยิ่งเป็นชนชั้นผู้ปกครองแผ่นดิน หรือชั้นเจ้าผู้ปกครองแคว้นต่างๆด้วยแล้ว
ก็จะมีเครื่องประดับที่มีราคามากขึ้น เครื่องประดับที่นิยมใช้กันอยู่อาทิเช่น
ตุ้มหู กำไล สายสร้อย เข็มขัด แหวน ฯลฯ
ของใช้ในครัว
ในสมัยโบราณโลหะเงินจะราคาไม่แพงมากนัก และจะเป็นโลหะที่หายาก
แต่ก็นิยมนำมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้ในครอบครัวได้ เป็นโลหะเงินที่ดี 100% เมื่อขัดแล้วจะเป็นเงา สามารสลักลวดลายให้เป็นไปตามความต้องการได้
จึงมีการผลิตเป็นอุปกรณ์ของใช้ในรูปแบบต่างๆ
วัดศรีสุพรรณ
วัดศรีสุพรรณ
เป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานกว่า 500 ปี
พัทธสีมานุสรณ์มีหลักศิลาจารึกที่บันทึกประวัติความเป็นมาของวัดไว้เป็นหลักฐานที่สำคัญ
ซึ่งได้ระบุว่าวัดศรีสุพรรณอารามได้ทำการผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2052
ซึ่งได้ครบรอบ 500 ปี
สีมา แปลว่า เขตแดน เขตบ้านเมืองเรียก
“ขอบขัณฑ์สีมา”
สำหรับสงฆ์การกำหนดเขตสีมาเพื่อเป็นที่ให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรมนั้นมีหลายลักษณะ เช่น
กำหนดโดยเอาครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน เรียก “คามสีมา” รวมหลายๆหมู่บ้าน
เป็นแคว้นหรือเขตแดน เรียก “นิคามสีมา” หรือ “นครสีมา” ซึ่งมีสีมาเหล่านี้จัดเป็น
“อพัทธสีมา” คือเป็นสีมาที่ไม่กำหนดเขตแน่นอนและเอาเขตของบ้านเมืองเป็นเกณฑ์
ไม่มีการกำหนดเขตโดยความพร้อมเพรียงแห่งสงฆ์สำหรับ “พัทธสีมา” แปลว่า แดนที่ผูก
คือ สงฆ์พร้อมเพรียงกันกำหนดแดนอย่างแน่นอนให้มีความกว้างและยาวตามแต่จะกำหนด
และมีการหมายเขตแดนไว้เป็นสำคัญ เรียกว่า “นิมิต” ซึ่งในบาลีกำหนดให้ใช้สิ่งต่างๆ
เช่น ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ
ใช้เป็นนิมิตกำหนดเขตแดนได้ทั้งนั้น ในปัจจุบันใช้ศิลา (หิน)
เป็นหลักเพราะมั่นคงกว่าอย่างอื่น
ในสมัยโบราณ การฝังนิมิต (ศิลา)
ไม่ใช้หินกลม ใช้หินแท่งมีทั้งทำเป็นสี่เหลี่ยม แปดเหลี่ยมและแบบใบเสมา คือ
เป็นแผ่นหินดังจะเห็นที่เป็นแปดเหลี่ยมที่อุโบสถวัดเจ็ดยอด
วัดพระสิงห์และที่เป็นแบบใบเสมาที่วัดศรีสุพรรณนี้
ในปัจจุบันชุมชนวัวลาย
วัดศรีสุพรรณ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมเครื่องเงิน
จึงได้จัดทำอุโบสถเงินขึ้น เพื่อสืบทอดงานหัตถกรรมท้องถิ่น
รวมไปถึงการดำเนินงานทางธุรกิจด้านการทำเครื่องเงิน โดยมีที่ตั้ง คือ
บริเวณวัดศรีสุพรรณ ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ปัจจุบันวัดศรีสุพรรณมีเจ้าอาวาสคือ พระครูพิทักษ์ สุทธิคุณ ท่านได้เป็นผู้ที่พัฒนาในด้านต่างๆของวัด
ทั้งด้านศาสนาวัตถุ การก่อสร้างและการปฎิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างต่างๆ
รวมไปถึงการจัดการวัดให้มีความร่มรื่น สวยงาม
และร่วมรักษาไว้ซึ่งศิลปะวัฒนธรรมทางล้านนามาอย่างต่อเนื่อง
จึงอยากที่จะรักษาให้เป็นมรดกทางปัญญา
ที่ต้องรักษาเผยแพร่ไม่ให้สูญหายไปและให้ลูกหลานได้สืบต่อๆไป
อุโบสถเงิน
ความเป็นมา
อาศัยมิติทางพระพุทธศาสนา บูรณาการกับมิติทางภูมิปัญญาท้องถิ่น
หัตถกรรมเครื่องเงินวัวลายที่ได้สืบทอดจากบรรพบุรุษมากกว่า 200 ปี
ปณิธานในการจัดสร้าง
ให้เป็นศาสนสถานหลังแรกของโลกเพื่อฝากศิลป์แก่แผ่นดินถิ่นล้านนา
ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาและเทิดไท้องค์ราชัน รัชกาลที่ 9
การก่อสร้าง
ปฏิสังขรณ์จากฐานและเขตพัทธสีมาของอุโบสถหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมลง
โครงสร้าง สา คาน ผนัง ก่ออิฐ ถือปูน เสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 17.50 เมตร
สูง 18 เมตร รูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนา
การประดับตกแต่ง
ใช้กรรมวิธีภูมิปัญญาท้องถิ่นหัตถกรรมเครื่องเงินชุมชนวัวลาย
โดยใช้วัสดุจากอลูมิเนียม(วัสดุแทนเงิน) เงินผสมและเงินบริสุทธิ์ สลักลวดลาย บุดุน
ประดับตกแต่งตั้งแต่หลังคา ผนังภายในภายนอกรวมทั้งหลัง
ศิลปะ
แนวประเพณีล้านนา
โดยกลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ
ศูนย์ศึกษาศิลปะไทยโบราณสล่าสิบหมู่ล้านนาวัดศรีสุพรรณและช่วงภูมิปัญญาท้องถิ่นวัวลาย
งบประมาณ
จำนวนประมาณ
25,000,000 บาท
ความมุ่งหวัง
ให้อุโบสถเงินหลังนี้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติและพระพุทธศาสนาโดยมีผู้มีจิตศรัทธาจากหน่วยงานภาครัฐเอกชนและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการสร้างศิลป์แก่แผ่นดินถิ่นล้านนา
ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาและเทิดไท้องค์ราชัน รัชกาลที่ 9 ร่วมกันสืบไป
No comments:
Post a Comment