Wednesday, 10 December 2014

ประวัติความเป็นมา

เครื่องเงิน

          เดิมเมืองเชียงใหม่เป็นประเทศเอกราชปกครองตนเอง มีเจ้าเมืองหรือผู้ปกครองนครสืบทอดต่อๆมาและปรากฏหลักฐานว่า พญามังรายเมื่อสร้างเมืองเชียงใหม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับเมืองพุกาม จึงได้ขอช่างฝีมือเรื่องเครื่องเงินเข้ามาผลิตและเป็นครูสอนที่เมืองเชียงใหม่ เพื่อเป็นการฝึกฝนและสร้างอาชีพ ให้กับชาวเชียงใหม่ทำให้ชาวชียงใหม่มีความรู้ด้านเครื่องเงินเพิ่มขึ้น มีการสั่งสอนสืบทอด ต่อๆกันมา
        ประเพณีการทำบุญชาวล้านนาโดยเฉพาะชาวเชียงใหม่ได้ยืดถือ และปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณในการทำบุญใส่บาตร ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ได้เลียนแบบและสืบทอดสืบทอดการมาเป็นที่นิยมนำภาชนะที่ใส่อาหารหรือของไปถวายพระ ซึ่งทำด้วยเงินเพราะถือว่าเป็นบุคลาชั้นสูงเหมือนเช่นเจ้านายผู้ปกครองนครเช่นกัน เมื่อมีการทำบุญก็นิยมนำอาหารใส่ภาชนะที่ทำด้วยเงิน ซึ่งได้ดัดแปลงเป็นของใช้ต่างๆอาทิเช่นขันน้ำ พานรอง พาน ถาด หม้อข้าวฯลฯ ซึ่งนิยมสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
           เครื่องประดับ การแต่งกายของหญิง-ชาย สมัยโบราณนิยมใช้เครื่องประดับต่างๆ ยิ่งเป็นชนชั้นผู้ปกครองแผ่นดิน หรือชั้นเจ้าผู้ปกครองแคว้นต่างๆด้วยแล้ว ก็จะมีเครื่องประดับที่มีราคามากขึ้น เครื่องประดับที่นิยมใช้กันอยู่อาทิเช่น ตุ้มหู กำไล สายสร้อย เข็มขัด แหวน ฯลฯ
         ของใช้ในครัว ในสมัยโบราณโลหะเงินจะราคาไม่แพงมากนัก และจะเป็นโลหะที่หายาก แต่ก็นิยมนำมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้ในครอบครัวได้ เป็นโลหะเงินที่ดี 100% เมื่อขัดแล้วจะเป็นเงา สามารสลักลวดลายให้เป็นไปตามความต้องการได้ จึงมีการผลิตเป็นอุปกรณ์ของใช้ในรูปแบบต่างๆ

วัดศรีสุพรรณ



วัดศรีสุพรรณ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานกว่า 500 ปี พัทธสีมานุสรณ์มีหลักศิลาจารึกที่บันทึกประวัติความเป็นมาของวัดไว้เป็นหลักฐานที่สำคัญ ซึ่งได้ระบุว่าวัดศรีสุพรรณอารามได้ทำการผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2052 ซึ่งได้ครบรอบ 500 ปี
สีมา แปลว่า เขตแดน เขตบ้านเมืองเรียก “ขอบขัณฑ์สีมา” สำหรับสงฆ์การกำหนดเขตสีมาเพื่อเป็นที่ให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรมนั้นมีหลายลักษณะ เช่น กำหนดโดยเอาครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน เรียก “คามสีมา” รวมหลายๆหมู่บ้าน เป็นแคว้นหรือเขตแดน เรียก “นิคามสีมา” หรือ “นครสีมา” ซึ่งมีสีมาเหล่านี้จัดเป็น “อพัทธสีมา” คือเป็นสีมาที่ไม่กำหนดเขตแน่นอนและเอาเขตของบ้านเมืองเป็นเกณฑ์ ไม่มีการกำหนดเขตโดยความพร้อมเพรียงแห่งสงฆ์สำหรับ “พัทธสีมา” แปลว่า แดนที่ผูก คือ สงฆ์พร้อมเพรียงกันกำหนดแดนอย่างแน่นอนให้มีความกว้างและยาวตามแต่จะกำหนด และมีการหมายเขตแดนไว้เป็นสำคัญ เรียกว่า “นิมิต” ซึ่งในบาลีกำหนดให้ใช้สิ่งต่างๆ เช่น ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ ใช้เป็นนิมิตกำหนดเขตแดนได้ทั้งนั้น ในปัจจุบันใช้ศิลา (หิน) เป็นหลักเพราะมั่นคงกว่าอย่างอื่น
ในสมัยโบราณ การฝังนิมิต (ศิลา) ไม่ใช้หินกลม ใช้หินแท่งมีทั้งทำเป็นสี่เหลี่ยม แปดเหลี่ยมและแบบใบเสมา คือ เป็นแผ่นหินดังจะเห็นที่เป็นแปดเหลี่ยมที่อุโบสถวัดเจ็ดยอด วัดพระสิงห์และที่เป็นแบบใบเสมาที่วัดศรีสุพรรณนี้
ในปัจจุบันชุมชนวัวลาย วัดศรีสุพรรณ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นงานหัตถกรรมเครื่องเงิน จึงได้จัดทำอุโบสถเงินขึ้น เพื่อสืบทอดงานหัตถกรรมท้องถิ่น รวมไปถึงการดำเนินงานทางธุรกิจด้านการทำเครื่องเงิน โดยมีที่ตั้ง คือ บริเวณวัดศรีสุพรรณ ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันวัดศรีสุพรรณมีเจ้าอาวาสคือ พระครูพิทักษ์ สุทธิคุณ ท่านได้เป็นผู้ที่พัฒนาในด้านต่างๆของวัด ทั้งด้านศาสนาวัตถุ การก่อสร้างและการปฎิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมไปถึงการจัดการวัดให้มีความร่มรื่น สวยงาม และร่วมรักษาไว้ซึ่งศิลปะวัฒนธรรมทางล้านนามาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากที่จะรักษาให้เป็นมรดกทางปัญญา ที่ต้องรักษาเผยแพร่ไม่ให้สูญหายไปและให้ลูกหลานได้สืบต่อๆไป

อุโบสถเงิน


ความเป็นมา
อาศัยมิติทางพระพุทธศาสนา บูรณาการกับมิติทางภูมิปัญญาท้องถิ่น หัตถกรรมเครื่องเงินวัวลายที่ได้สืบทอดจากบรรพบุรุษมากกว่า 200 ปี
ปณิธานในการจัดสร้าง
          ให้เป็นศาสนสถานหลังแรกของโลกเพื่อฝากศิลป์แก่แผ่นดินถิ่นล้านนา ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาและเทิดไท้องค์ราชัน รัชกาลที่ 9
การก่อสร้าง
              ปฏิสังขรณ์จากฐานและเขตพัทธสีมาของอุโบสถหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมลง โครงสร้าง สา คาน ผนัง ก่ออิฐ ถือปูน เสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 17.50 เมตร สูง 18 เมตร รูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนา
การประดับตกแต่ง
           ใช้กรรมวิธีภูมิปัญญาท้องถิ่นหัตถกรรมเครื่องเงินชุมชนวัวลาย โดยใช้วัสดุจากอลูมิเนียม(วัสดุแทนเงิน) เงินผสมและเงินบริสุทธิ์ สลักลวดลาย บุดุน ประดับตกแต่งตั้งแต่หลังคา ผนังภายในภายนอกรวมทั้งหลัง

ศิลปะ
             แนวประเพณีล้านนา โดยกลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ ศูนย์ศึกษาศิลปะไทยโบราณสล่าสิบหมู่ล้านนาวัดศรีสุพรรณและช่วงภูมิปัญญาท้องถิ่นวัวลาย
งบประมาณ
                จำนวนประมาณ 25,000,000 บาท
ความมุ่งหวัง
               ให้อุโบสถเงินหลังนี้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติและพระพุทธศาสนาโดยมีผู้มีจิตศรัทธาจากหน่วยงานภาครัฐเอกชนและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการสร้างศิลป์แก่แผ่นดินถิ่นล้านนา ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาและเทิดไท้องค์ราชัน รัชกาลที่ 9 ร่วมกันสืบไป






No comments:

Post a Comment